หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Blue Whale

                        Blue Whale


การล่าวาฬสีน้ำเงินถูกสั่งห้ามอย่างเป็นทางการในปี 1966 แต่สัตว์ชนิดนี้ยังคงเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธ์มากว่า 30 ปี วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่รักสันโดษที่สุดชนิดหนึ่งของโลก การตามหาวาฬสีน้ำเงินอาจเหมือนเป็นการงมเข็มในมหาสมุทร แต่ในช่วงฤดูร้อนวาฬเกือบหนึ่งในสามของประชากรที่เหลืออยู่ในโลกจะออกหากินนอกชายฝั่งแคลิฟอร์เนียมันจะไม่ยอมอยู่ใกล้ชายฝั่ง


หากว่าคุณอยากตามหาพวกมัน คุณต้องนำเรือยางสูบลมเดินทางไปไกลกว่า 45 กิโลเมตรออกไปในทะเล



                                 รูปร่าง
วาฬสีน้ำเงินจัดเป็นสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยทั่วไปจะยาวประมาณ 27-30 เมตร แต่ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบคือ 33 เมตร (ประมาณตึก 8 ชั้น) น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ ประมาณ 100-200 ตัน และหัวใจของมันหนักเกือบเท่ารถโฟล์คเต่าเลยทีเดียว
                                                             


                               อายุ

 อายุโดยเฉลี่ยของมันประมาณ 80-90 ปี  แต่เท่าที่เคยพบที่อายุมากที่สุดมีอายุยืนยาวถึง 110 ปี  



                                         เสียงร้อง

เสียงของมันดังที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งหลายเสียงเพรียกใต้น้ำของมันรุนแรงเสียจนสามารถพบได้ไกลออกไปหลาย 1000กิโลเมตร พวกมันจะส่งเสียงเรียก 2 ชนิดเสียงที่เหมือนตีกลองรัวเป็นจังหวะ เรียกว่าเสียงA และอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงครางต่ำที่มีความถี่ต่ำลงมาหน่อยเสียงแบบนี้เรียกว่าเสียง B ซึ่งเป็นเสียงที่ใช้ความถี่ต่ำมากจนหูของเราแทบไม่ได้ยินเสียง



                                 อาหาร

วาฬจะกินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร โดยในแต่ละวันวาฬสีน้ำเงินที่โตเต็มที่จะกินแพลงตอนถึงวันละ 4 ตัน แต่ขณะเดียวกัน ก็อาจจะกินสัตว์น้ำขนาดเล็กเข้าไปด้วย


                                 วาฬคือ?

วาฬเป็นสัตว์เลือดอุ่น ออกลูกเป็นตัว และเลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งต่างจากปลาทั่วไปที่เป็นสัตว์เลือดเย็น ออกลูกเป็นไข่ เพราะฉะนั้น วาฬจึงไม่ใช่ปลา


                      
                        วาฬสีน้ำเงินยังอยู่หรือไม่?

 นักสำรวจคาดว่าในปัจจุบันน่าจะยังมีวาฬสีน้ำเงินเหลืออยู่ประมาณ 2,300 ตัวซึ่งจะสามารถพบได้ในซีกโลกใต้








อ้างอิง 










วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Baikal Lake

                       Baikal Lake
                                                                             
    
 ทะเลสาบไบคาลเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในโลก เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่บริเวณตอนใต้ของไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย ทะเลสาบไบคาลมีความยาวประมาณ 650 กิโลเมตร กว้างประมาณ 50 กิโลเมตร และมีพื้นที่ทั้งหมด 23,000 ตารางกิโลเมตร จุดที่ลึกที่สุดลึกกว่า 1,640 เมตร เป็นทะเลสาบที่มีปริมาณน้ำจืดมากที่สุดในโลกคิดเป็น 25 เปอร์เซ็นต์ของน้ำจืดที่มีอยู่บนโลก
                                                           
  การเกิด
ทะเลสาบแห่งนี้เกิดขึ้นจากการที่น้ำเอ่อล้นเข้ามาในรอยของเปลือกโลกที่แตกออกเมื่อประมาณ 25 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งทำให้เป็นทะเลสาบที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลก ทะเลสาบแห่งนี้เป็นที่รู้จักตั้งแต่ปี ค.ศ.1902 เมื่อทางการรัสเซียได้ทำการสร้างทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียรอบทะเลสาบ
                                                           
  มรดกโลก
ทะเลสาบไบคาลได้ลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 20 เมื่อปี .. 2539 ที่เมืองเมรีดาประเทศเม็กซิโก
                                                       
     
  สิ่งมีชีวิต
ทะเลสาบไบคาลมีการพบสิ่งมีชีวิตที่พบได้เฉพาะที่นี่กว่า 200 สายพันธุ์ จนได้รับการขนานนามว่า กาลาปากอสแห่งรัสเซีย ส่วนสัตว์ที่เป็นที่รู้จักดี ก็คือ แมวน้ำไบคาล หรือที่ชาวท้องถิ่นเรียกกันว่า ตัวเนอร์ป้า ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณทะเลสาบนี้นั่นเอง โดยเชื่อกันว่ามันมาจากมหาสมุทรอาร์คติคเมื่อราว 8 แสนปีก่อน และกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ในที่สุด แม้ปัจจุบันมันจะถูกมนุษย์รุกราน จนมีจำนวนลดลงอย่างน่าใจหาย โดยเหลือจำนวนประมาณ 6 หมื่นตัวในปีนี้ทั้งๆที่ปีที่แล้วมีอยู่ราว 1 แสนตัวเลยทีเดียว


                                                          



                    

   ความงดงาม

ในช่วงฤดูหนาวนั้น ความงดงามของทะเลสาบแห่งนี้จะยิ่งเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเพราะน้ำแข็งในบริเวณนี้จะทำให้ทะเลสาบนี้สวยเหนือคำบรรยาย จนคนที่มาต้องทึ่งกับภาพที่เห็น โดยในช่วงเดือนธันวาคมขอบรอบนอกจะเริ่มเป็นน้ำแข็ง และจะปกคลุมบนพื้นผิวทั่วทั้งหมด









อ้างอิง



ซานโตรินี

                     ซานโตรินี

                           

          ซานโตรินี( Santorini) หรือ ธีรา(Thera) เป็นเมืองบนเกาะตอนใต้ของทะเลอีเจียนประเทศกรีซซึ่งมีความสวยงามและจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยวว่าเป็นเกาะอันดับ 2 ของโลกที่พวกเขาอยากมา ซึ่งมีสถานทีสำคัญ เช่น ยอดเขาโพรฟิทิสอิเลียสซึ่งเป็นจุดชมความงดงามของเกาะซานโตรินี  เกาะแห่งนี้มีความกว้างประมาณ 16 กิโลเมตร อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 567 เมตร
                                             

                       ประวัติความเป็นมา


        ประวัติศาสตร์ของเกาะนี้ชาวฟินีเชียนอพยพเข้ามาที่เกาะนี้ราว 3,600ปีก่อนคริสตกาลหลังจากนั้นชาวลาโคเนียนก็เข้ามาปกครองเกาะนี้กระทั่งถึง 3,000ปีก่อนคริสตกาล กษัตริย์ไมนอสผู้ปกครองแห่งเกาะครีตได้แผ่ขยายอิทธิพลด้านศิลปะและวัฒนธรรมจากอารยธรรมมิโนอันมายังเกาะแห่งนี้แต่เกิดภูเขาไฟระเบิดขึ้นในเกาะในช่วงฤดูร้อนช่วง 1,650 ปีก่อนคริสตกาล
                                           

ส่งผลให้เกาะแตกออกเป็น3เกาะกระแสลมยังพัดพาเถ้าภูเขาไฟไปไกลจนถึงเกาะต่างในละแวกใกล้เคียง และเกาะครีตที่อยู่ห่างไป 70 กิโลเมตรไม่เพียงได้รับแรงระเบิดจากภูเขาไฟแต่ยังเกิดสึนามิที่มีความสูง 100-150 เมตร ถาโถมเข้าด้านเหนือของเกาะครีต ทำลายต้นไม้บ้านเรือน ทำให้เกาะทั้งเกาะจมทะเลในชั่วข้ามคืน
                                           

ส่งผลให้อารยธรรมมิโนอันเป็นอันล่มสลายและเชื่อกันว่าความหายนะของเกาะครีตเป็นแรงบันดาลใจให้ เพลโต เขียนตำนานเรื่องแอตแลนติส และนำไปสู่การบันทึกถึงเรื่องราวเหตุการณ์น้ำท่วมโลก ที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ของศาสนายูดาย คริสต์และอิสลาม
                                              

ทั้งนี้นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสเป็นผู้เริ่มตามรอยอารยธรรมอันสาบสูญ โดยในปี..1860ได้ขุดค้นบริเวณที่ถูกเถ้าถ่านและลาวาทับถม พบอาคารบ้านเรือน วิหารเทพเจ้า หลุมฝังศพในหุบเขา โรงละคร และข้าวของเครื่องใช้จำนวนมากซึ่งแสดงถึงความเจริญก้าวหน้าของยุคสำริด
                                           

และในปัจจุบันซานโตรินีถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกใฝ่ฝันว่าจะต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิตหนึ่ง






อ้างอิง


หนังสือ สำรวจโลก